หน้าแรก

Roller Blade : โรลเลอร์เบลด รองเท้าวิเศษที่ทำให้ลั้นลา!!

ของเล่นยอดฮิตในวัยเด็กของแม่แก้ว "โรลเลอร์เบลด (Roller Blade)"

ยอมรับว่า เป็นคนที่มีวัยเด็กที่ไม่ค่อยจะสู้ดีกับเจ้าของเล่นชิ้นนี้สักเท่าไร เนื่องจากเป็นคนผอม สูง ตั้งแต่ไหนแต่ไร (ถ้าไม่นับช่วงหลังแต่ง) การทรงตัวก็ไม่ค่อยจะดี (แต่สามารถใส่รองเท้าส้นสูง 4-5 นิ้วได้ ตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ทำไปได้เนอะ)

จำได้ว่า สมัยที่ได้ลองเล่นครั้งแรกช่วงประมาณมัธยมต้น ตอนนั้นไปที่บ้านน้าสาวอยู่แถวบางขุนนนท์จะเป็นบ้านที่อยู่ในสวน มีลานกว้างๆ เป็นลานคอนกรีตมีเนื้อที่เต็มที่สำหรับโลดเล่น แน่นอนว่า สมาชิกที่ได้ร่วมเล่นครั้งแรกต้องเป็นแก็งค์ลูกของน้าสาวแน่นอน ลูกพี่ลูกน้องกำลังเล่นเจ้าโรลเลอร์เบลดอยู่อย่างสนุกสนาน ความจำเลือนลางไม่แน่ใจว่าใครเป็นเจ้าของรองเท้าโรลเลอร์เบลดคู่นี้กันแน่ แต่ภาพความทรงจำได้เลาๆว่า หน้าตาของโรลเลอร์เบลดคู่นั้นเป็นแบบที่มี 4 ล้อ จับคู่กัน หน้า-หลัง เหมือนรถยนต์ ชวนให้มองดูแล้วน่าจะเล่นไม่ยาก พอได้ลองใส่ยอมรับเลยว่ามันไม่พอดีกับเท้าเรา แต่ก็เอาหละ อยากเล่น ก็ลองไถๆดู


"รองเท้าโรลเลอร์เบลด Avenger ที่น้องเก้าเห็นจะต้องลั้นลา"

แน่นอนคะว่า คนไม่เคยเล่นประดิษฐ์กรรมชิ้นนี้มาก่อน ย่อมมีทั้ง ล้ม ทั้ง ลุก ทั้งคลุกคลาน การได้รับบาดเจ็บ เข่าแตก และท้ายที่สุดก็เลิกไป ที่สำคัญคือ แม่แก้วยอมแพ้ตั้งแต่เล่นวันแรกเลยคะ เพราะล้มและทรงตัวไม่ได้ มองรองเท้าคู่นั้นอย่างฝังใจว่า ฉันคงไม่เหมาะกับกีฬานี้แน่ๆ นึกแล้วก็เจ็บใจ ทำไมเราเล่นไม่ได้นะ แล้วก็ไม่คิดจะเล่นอีกเลย

และแล้ว...เมื่อซักเดือนกันยายนที่ผ่านมา แม่แก้วกับป๊าวินได้ไปเดินเล่นที่ห้างดอกบัว สาขาบางกะปิ ดูนั่นดูนี่เพลินๆ ก็หันไปเจอสิ่งนี้คะ "โรลเลอร์เบลด" แต่เป็นแบบล้อเรียงกันของเด็ก ซึ่งมองดูแล้วก็แปลกใจมาก คำถาม!!! คือ มันจะทรงตัวได้อย่างไร

ฝ่ายคุณสามีบอกว่า "ก็เหมือนรองเท้าสเก็ตน้ำแข็งไง" อ้อ...ไม่เคยเล่น แหะๆ คุณสามีเดินเข้าไปดูราคา แล้วก็ต้องตาลุกวาว เพราะมันลดราคาอยู่คะ เหลือแค่ 899 บาทเท่านั้น โอ๊วว...พระเจ้าจอร์จ...มันยอดมาก!!! แม่เจ้า!!! คำว่าลดราคา 50% มันหลอกหลอนมาก แม้แต่คุณสามีเองก็อดใจไม่ไหว เพราะที่สำคัญ มันเป็นลาย Avenger มีรึน้องเก้าจะไม่หวั่นไหวถ้าได้เห็น

อีพ่อกับอีแม่ยืนมองหน้ากัน ในใจก็คิดนะว่ามันจำเป็นรึเปล่านะ

แต่สิ่งที่ต้องคิดมากกว่านั้น...ก็คือ จะไปเล่นที่ไหน

ด้วยความที่บ้านเป็นตึกแถว และพื้นที่แค่ชั้นเดียวที่เป็นของเรา (นอกนั้นของคนอื่น อิอิ) นึก ๆๆ ในที่สุดแม่แก้วก็นึกออก แรงบันดาลใจของแม่มันมาเลยคะ มันคือ "ห้องพระ" นั่นเอง และเนื่องจากห้องพระที่บ้านจะกว้าง แต่ร้างและเกือบจะกลายเป็นห้องเก็บของแล้ว แถมปูเสื่อน้ำมัน รับรองว่า ปัญหาเรื่อง ล้มแล้วเข่าแตกและทำให้หวาดกลัวความเจ็บนั้นลดน้อยลงแน่นอน

แม่แก้ว : ป๊า แล้วน้องเก้าจะเล่นได้หรอ แก้วเล่นไม่เป็นนะ
ป๊าวิน : ไม่เป็นไร เดี๋ยวสอนเอง

นั่นปะไร...ตั้งแต่รู้จักกันมา 11 ปี ดิฉันไม่เคยทราบเลยว่าคุณสามีจะมีความสามารถพิเศษด้านนี้ สรุป สามีภรรยาบ้านนี้มันรู้จักกันจริงรึเปล่าเนี้ย ถือเป็นเรื่องลึกลับคะ แต่สุดท้ายแล้ว โรลเลอร์เบลด Avenger ก็ได้มานอนรอน้องเก้าอยู่ที่บ้าน และรอบนี้คุณพ่อยอมจ่ายคะ ฮิ้วๆ แหมๆๆ ปกติเวลาซื้อของเล่นมักจะเป็นงบประมาณแม่แก้วประจำค่ะ เพราะเราเห็นความสำคัญของของเล่น และคิดว่าเด็กทุกคนควรมีของเล่นดีๆ ตามวัย เพื่อพัฒนาการที่ดีนะคะ นานๆทีคุณสามียอมจ่าย แม่แก้วก็ต้องแปลกใจเป็นธรรมดา


"อุปกรณ์ป้องกันครบเซ็ทเพื่อความปลอดภัย"

พอกลับบ้านมาน้องเก้าลิงโลดเพราะว่าละลานตามากๆ ค่ะ และโรลเลอร์เบลดนั้นมีอุปกรณ์ที่ตามมาอีก (สรุปคือ 899 มันไม่จบสินะ 555+) โดยอุปกรณ์ต่างๆ มีดังนี้ค่ะ หมวกกันน็อค สนับเข่า สนับข้อศอก ที่กันกระแทกที่ต้นแขน 2 ข้าง และควรให้เด็กสวมถุงเท้าเพื่อกันบาดเจ็บเพิ่มเติมจากการเสียดสีด้วยนะคะ อ้อ ที่สำคัญอีกอย่างคือ เวลาเลือกขนาดรองเท้าต้องเอาที่พอดีหรือถ้าเป็นแบบที่ปรับขนาดได้ก็ต้องใส่ให้กระชับเท้านะคะ อย่างที่บอกแม่แก้วเคยเล่นโรลเลอร์เบลดที่ไม่พอดีเท้า เลยทำให้ทรงตัวไม่ได้ นั่นคือสาเหตุหนึ่งที่สำคัญนะคะ จะหาว่าแม่แก้วไม่เตือนเน้อ!!


ประการแรก...ก่อนเริ่มให้น้องเก้าเล่นโรลเลอร์เบลด สิ่งที่แม่แก้วฝังใจ และกลัวจับใจนั่นก็คือ "การล้ม"

แต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่น้องเก้าเริ่มอายุ 1 ขวบ น้องจะเป็นเด็กที่ชอบระมัดระวังตัว อาจเป็นเพราะนิสัยที่ไม่ดีของแม่แก้วเอง ที่กลัวจนเกินเหตุ ยอมรับเลยว่า เป็นการขัดขวางพัฒนาการลูกอย่างหนึ่ง แต่มีเหตุมาจากการที่น้องนอนตกเตียงตั้งแต่ช่วง 2-3 เดือน ทำให้แม่แก้วฝังใจไม่อยากให้ลูกเจ็บ ซึ่งในความเป็นจริงเราไม่ควรเอาความกลัวของเรามาฝังใส่กับพฤติกรรมของลูก ซึ่ง ผิด ผิด ผิด และผิด จริงๆ แม่แก้วยอมรับคะ และจะพยายามไม่เอานิสัยแย่ๆ มาใส่ลูกอีกแล้ว และการตกเตียงบ่อยๆ หลายหน เจ็บแล้วเจ็บอีก ทำให้น้องเก้า กลัวความเจ็บปวด ขี้แย และร้องไห้ง่าย เป็นผลต่อพัฒนาการในการเดิน ทำให้น้องเก้าเดินได้ช้า แต่ก็ไม่ถึงกับช้ามากนะคะ เพราะน้องเก้าเดินได้ตอน 1.3 ขวบ เพราะเจ้าตัวกลัวการล้มนั่นเอง


"ภาพรีวิวการล้ม เอ๊ย!!! การเล่นของเล่นค่ะ"

สัปดาห์ที่ 1

แน่นอนคะ จากประสบการณ์นี้นี่เอง ทำให้แม่แก้วประสาทแด๊กอีก ว่า ถ้าน้องเก้าล้ม คงจะต้องเลิกเล่นเหมือนที่ตัวเองกลัวแน่ๆ งานนี้ตัวเราเองสอนลูกไม่ได้เลยคะ วันแรก สวมรองเท้าเสร็จ จูงมือ และให้รู้จักความเท่ของเจ้าโรลเลอร์เบลดเสียก่อน ท่าทางภูมิใจ ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นอย่างมาก แถมล่าสุดเพิ่งไปดูหนังเรื่อง Inside Out มาด้วย เจ้าลั้นลาในเรื่องเค้ามีฉากสเก็ตน้ำแข็งของตัวละครลั้นลา น้องเก้ายิ่งชอบใจคะ บอกว่าจะทำให้ได้เลยทีเดียว เรียกได้ว่า การสร้างความฮึกเฮิมของแม่แก้วนั้นประสบความสำเร็จมากมาย น้ำตาจะไหลอย่างกับได้รางวัลแม่ดีเด่น วันนั้นก็จูงเดินเล่น ได้บ้างไม่ได้บ้างก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่น้องเก้ารู้สึกดีกับตัวเองมากๆ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจ แม่แก้วถือว่าอาทิตย์แรกได้เท่านี้ก็สำเร็จแล้วคะ

สัปดาห์ที่ 2

แม่แก้วไปขอให้ป๊าวินมาสอนคะ เพราะ อย่างที่รู้ๆ แม่แก้วสเก็ตไม่เป็น และไม่รู้ว่าจะสอนยังไง 555+ คนที่เคยว่ายน้ำ เอ๊ย สเก็ตมาก่อน ยิ่มสอนผู้อื่นได้แน่นอน ก็เลยลองถามป๊าวินว่า สมัยเด็กใครเป็นคนสอนเล่นสเก็ต ก็ได้รับคำตอบแบบเหนือเมฆว่า "ไม่มีคนสอน" อะไรนะ!!! เป็นไปไม่ได้ แล้วเล่นเป็นได้อย่างไรเจ้าตัวเลยเล่าให้เราฟังว่า พี่สาวคนโตของเค้าเป็นคนซื้อรองเท้ามา แล้วป๊าวินเห็นพี่เล่นก็อยากเล่นบ้าง เอาลองมาใส่ แล้วไถๆไปเอง แล้วก็เล่นได้....พอเล่าจบ แม่แก้วนึกเลยว่า คำว่า พรสวรรค์มันเป็นแบบนี้นี่เอง แต่พอฟังไปฟังมาจากที่ป๊าวินเล่า อาจจะไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เป็นความกล้า และความหลงไหลมากกว่าที่ทำให้ป๊าวินเล่นเป็น

ดังนั้น แม่แก้วไม่รอช้าคะ แม่แก้วคิดไว้แล้วว่า ยังไงก็ต้องสร้างความหลงใหลให้กับน้องเก้าให้จงได้ ของเล่นชิ้นนี้จะต้องเป็นของเล่นที่น้องเก้าจะมีความสุขไปกับมัน ของเล่นที่แม่มันมีแต่ประสบการณ์เลวร้าย จะต้องไม่สร้างบาดแผลให้กับลูกของฉ้านแน่นอน เข้าเรื่องกันค่ะเริ่มไปไกล อิอิ

วันแรกที่ป๊าวินสอนน้องเก้าและแม่แก้วนั่งสังเกตอยู่ห่างๆ เพราะทำอะไรไม่ได้ อิอิ

ป๊าวินสอนให้น้องเก้ารู้จักชินกับรองเท้าก่อนคะ โดยเริ่มจากอุ้มให้ตัวลอยนิดๆ แล้วสลับขาแกว่งไปหน้าหลัง เหมือนเรานั่งอยู่บนม้านั่งแล้วแกว่งขาไปมาหน้าหลัง แบบนั้นเลยคะ วิธีนี้ทำให้ชินกับน้ำหนักรองเท้าก่อนนะคะป๊าวินเค้าบอกมาแบบนั้น

หลังจากนั้นก็ฝึกการทรงตัว โดยบอกวิธี "ยืน" คือ ให้เกาะกำแพงก่อนแล้วลุกยืนเองพร้อมกับแยกขาเล็กน้อยแล้วก็ไม่น่าเชื่อ เพราะน้องเก้ายืนได้เลยในครั้งแรก เอ้ย!! เป็นไปได้อย่างไร แม่แก้วรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ น้องเก้าทำได้แล้ว แต่ในความเห็นของป๊าวินคือ อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะเด็กมักจะเรียนรู้เร็ว แม่แก้วก็คิดถึงตอนที่แม่แก้วเล่น อาจเป็นเพราะแม่แก้วเริ่มเล่นเอาตอนอายุ 15+++ ทำให้ทักษะในการทรงตัวของแม่แก้วที่ไม่ได้ฝึกมาแต่เล็กแต่น้อย มันด้อยกว่าคนทั่วไป ก็เลยไม่แปลกใจที่ทำไมน้องเก้าทรงตัวได้ดีในครั้งแรกเลย สรุปก็คือ แม่แก้วมาฝึกตอนโตแล้วนั่นเอง


"สวมหมวกและอุปกรณ์ป้องกันการเล่นให้เป็นนิสัย"

บทเรียนต่อมา ป๊าวินบอกให้น้องเก้าเริ่มรู้จักการทิ้งน้ำหนักตัวไปที่ขาข้างใดข้างหนึ่งเพื่อสเก็ต งานนี้ยากคะ ยอมรับเลยว่าน้องเก้ากลัวที่จะขยับตัว ยืนได้แต่ไม่ค่อยกล้าไถ เนื่องจากความกลัวล้ม ทำเอาแม่แก้วลุ้น เลยออกตัวช่วยป๊าวินคะ คือเริ่มจากแม่แก้วอยู่เส้นชัย ป๊าวินอยู่จุดสตาร์ทแล้วน้องเก้าไปยืนกับป๊าวิน เพื่อสเก็ตมาหาแม่แก้ว แน่นอนคะว่ามันไม่ง่ายเลย น้องเก้าใช้เวลานานพอสมควรในระยะทางการสเก็ตแค่ 1-2 เมตร ทั้งลุ้น ทั้งเชียร์ แต่ไม่กดดัน เพื่อให้เค้ารู้สึกสนุกกับการสเก็ต ในครั้งแรกถือว่าผ่านไปได้ด้วยดีคะ น้องสเก็ตได้ หลักสูตรวันนั้นจึงจบลง เพราะน้องเริ่มปวดน่องเนื่องจากยังไม่ชินกับรองเท้า แล้วก็ให้รางวัลเล็กน้อยคือการจูงมือพาสเก็ตเป็นลั้นลารองห้องพระไปก่อน

สัปดาห์ที่ 3

ในครั้งนี้ไม่มีป๊าวินคะเนื่องจากน้องเก้าเล่นวันเสาร์ และวันนี้เองคะที่เกิดความผิดพลาด น้องเก้าล้มอย่างแรง แต่ในความเห็นแม่แก้วคือไม่แรงเท่าไหร่ แต่เนื่องมาจากน้องอยากจะสเก็ตไวๆ ทำให้ใจร้อนคะ และผลที่ตามมาก็คือ ล้มและเจ็บตัว ตามด้วยร้องไห้คะ ไม่ยอมหยุด กุมมือตัวเองประหนึ่งเจ็บปวด แม่แก้วเห็นแล้วรู้เลยคะว่า น้องจะต้องกลัวการล้ม ด้วยความเป็นแม่ขี้วิตก ทำให้หยุดการเล่นในวันนั้นทันทีคะ

สัปดาห์ที่ 4

สัปดาห์นี้น้องเก้าไม่ขอเล่นโรลเลอร์เบลดคะ ฮือ ๆ สงสัยจะกลัว

สัปดาห์ที่ 5

ก็ยังไม่ยอมเล่น ท่าทางจะกลัวจริงๆ แต่แม่แก้วยังไม่ยอมแพ้คะ วิธีที่ใช้คือ กระตุ้นความกล้าในตัวลูก คือถามถึงหนังเรื่อง Inside out คะ พอพูดถึงปุ๊บว่า "ลั้นลาเค้าก็เล่นเนอะ" น้องเก้าก็รีบบอกทันทีว่าอยากเล่นวันนี้มีป๊าวินอยู่คะ เพราะน้องเก้าขอเล่นในวันอาทิตย์ ส่วนใหญ่ก็จะถามกันก่อนว่าวันนี้จะเล่นอะไร ถ้าเค้าอยากเล่นของเล่นอะไรก็จะให้เลือกเองตามความเหมาะสม แสดงว่าสัปดาห์นี้เจ้าโรลเลอร์เบลดยังอยู่ในอันดับที่ใช้ได้ ถึงแม้จะเคยกลัวมาแล้วครั้งหนึ่ง มารอบนี้แม่แก้วเลยบอกปัญหาป๊าวินไปคะ ป๊าวินเลยพูดว่า ถ้าไม่รู้จักล้ม ก็จะไม่มีวันสเก็ตได้นะ คือมันโดนใจแม่แก้วจริงๆนะคะ โดยวันนี้ป๊าวินได้สอนวิธีเบรค กับวิธีการล้มยังไงให้ไม่เจ็บตัวมาก ซึ่งได้ผลคะ น้องเก้าล้มนะคะ แต่..ไม่เจ็บมากก็ยอมลุกต่อไปได้ แต่พัฒนาการในการเล่นโรลเลอร์เบลดของน้องเก้าก็ยังคงเป็นสปีทเต่าค่ะ คือ ช้า...แต่ชัวร์ เพื่อให้ล้มน้อยลง และกล้าที่จะสเก็ตมากขึ้น


"ภาพจากการเล่น ณ วันที่ 10/10/2558 จะเห็นว่ายังไม่เก่งเลยคะ 555+"

ณ วันนี้ แม่แก้วบอกก่อนเลยว่าน้องเก้ายังคงเป็นสปีทเต่าอยู่นะคะ เพราะว่าเพิ่งเริ่มเล่นไม่กี่สัปดาห์ ก็คงต้องค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกับวัตถุประสงค์ของแม่แแก้วก็คือ อยากให้น้องขาแข็งแรง เพราะเล่นโรลเลอร์เบลด จะได้เป็นการออกกำลังขา เพิ่มทักษะการทรงตัว และสำหรับบ้านไหนที่มีสนามปูนกว้างๆ เหมือนบ้านคุณน้าของแม่แก้ว บ้านนั้นแม่แก้วอิจฉามากคะ

แต่บ้านไหนไม่มีที่ทางหรือเป็นตึกแถวแบบเด็กบ้านนี้ อีกที่ๆแม่แก้วอยากแนะนำคือ สวนสาธารณะต่างๆ อยากแนะนำว่าลองเช็คดีๆค่ะ และจะมีลานสเก็ตทั่วไปให้บริการ แต่ถ้าไม่มีจริงๆ แล้วเป็นตึกแถวแบบแม่แก้ว ดาดฟ้าที่โล่งๆ มีลูกกรงปลอดภัยนะคะ ไม่ใช่ดาดฟ้าโล่งๆ ไม่มีอะไรกั้นเลย อันนี้อันตราย!!! แม่แก้วไม่แนะนำค่ะ และที่สำคัญอุปกรณ์สำคัญมากค่ะ การมีรองเท้าที่ดี สวยงาม น้ำหนักเบา ราคาแพงแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีอุปกรณ์ป้องกันเลย เหมือนกับเวลาที่เราขับรถยนต์แล้วไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จะกลายเป็นอันตรายที่เราคาดไม่ถึง ซึ่งก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอนะคะ ฝากเอาไว้ด้วย

และที่สำคัญที่แม่แก้วเห็นชัดเลยจากการที่ให้น้องเก้าได้เล่นโรลเลอร์เบลด นั่นก็คือ น้องเก้า มีความกล้ามากขึ้น ไม่ร้องไห้เวลาเจ็บตัว ถ้าสเก็ตล้มนิดหน่อยก็ไม่ร้อง ลุกขึ้นมาได้เองแล้วก็เดี๋ยวนี้ลุกเองได้ด้วยแถมหัวเราะไปด้วยเล่นไปด้วยอย่างสนุกสนาน ไม่ต้องเกาะแม่แก้วอีกแล้วค่ะ อิอิ

ข้อคิดจากของเล่น "โรลเลอร์เบลด"
"การล้ม" เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะลุกขึ้นได้ แล้วหยุดร้องไห้ก่อนกัน ถ้าไม่ล้ม ก็ไม่มีวันเรียนรู้วิธีป้องกันและก้าวเดินต่อไปค่ะ"

หวังว่าทุกท่านจะสนุกกับการรีวิวของเล่น โรลเลอร์เบลด แบบบ้านๆ ของแม่แก้วกับน้องเก้านะคะ ขอบคุณคะ

1 ความคิดเห็น: